วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Review: Tak Po ร้านติ่มซำเจ้าอร่อยที่สิงคโปร์

สวัสดีค่ะ
=^w^=

พูดถึงอาหารของสิงคโปร์ หลายๆคนก็คงจะนึกถึงข้าวมันไก่กันเป็นอันดับแรกใช่มั๊ยคะ แต่ขอบอกว่าที่สิงคโปร์มีความหลากหลายของเชื้อชาติและอาหารมากเลยล่ะค่ะ อย่างวันนี้ที่ก๊วนแมวจะพาไปตระเวนกินก็คือติ่มซำ อาหารรสเด็ดอีกอย่างที่ไม่น่าพลาดของสิงคโปร์ และน่าจะถูกลิ้นถูกปากของคนไทยกันด้วยค่า

ซึ่งร้านที่เราจะพาไปวันนี้ก็คือร้าน Tak Po ร้านติ่มซำเจ้าดังย่าน Chinatown ที่คนไทยนิยมไปกินกัน (ประมาณว่าเข้าไปที่ร้านจะได้ยินเสียงคนไทยอย่างน้อยโต๊ะนึงแทบทุกครั้งเลยล่ะค่ะ) นอกจากจะอร่อยแล้วที่สำคัญร้านหาไม่ยากและเดินทางง่ายด้วย

ข้อมูลร้าน
ที่ตั้ง: 42 Smith St. Chinatown, Singapore
เวลาเปิด-ปิด: 07.30 น.- 22.30 น.



เมื่อมาถึง Chinatown แล้วก็เดินหาถนน Smith St. ได้เลยค่ะ เค้าจะมีป้ายชื่อถนนอยู่ด้านหน้า สังเกตง่ายมากๆค่ะ ซึ่งถนนของที่นี่นั้นจะเล็กจนแทบจะเรียกว่าซอยเลยก็ว่าได้นะคะ ไม่ต้องแปลกใจไปค่ะว่านี่มันใช่ถนนที่เราตามหารึป่าว 555



เดินเข้าไปในถนนแล้วก็จะเจอร้านอยู่ริมถนนเลยค่ะ พิกัดร้านอยู่เกือบๆกลางซอย หน้าร้อานสังเกตง่าย มีป้ายสีเหลืองๆ และลูกค้าเต็มร้านเลยแหละ ^^ ยิ่งถ้าใครไปแต่เช้าจะยิ่งสังเกตง่ายค่ะ เพราะร้านค้าอื่นๆยังไม่เปิดนั่นเอง





ถึงร้านที่เราตามหาแล้วก็เดินเข้าไปด้านในกันเลยค่า บรรยากาศด้านในก็ตกแต่งตามสไตล์ร้านอาหารจีน ทั่วๆไป ใช้โทนสีแดงเป็นหลัก ร้านสะอาดน่านั่งดีค่ะ แล้วแต่ละโต๊ะนั้นพนักงานเค้าก็จะจัดเตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อมรับลูกค้าแล้วทุกโต๊ะค่ะ เข้าไปนั่งได้เลย ไม่ได้มีใครมาจองไว้น้า อิอิ




แต่ละโต๊ะจะมีอุปกรณ์การกินให้ครบ และมีผ้าเย็นสำหรับเช็ดมือแจกใครคนละห่อ ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ต้องแกะนะคะ เพราะว่าเค้าคิดตังค์ค่า 





วิธีการสั่งอาหารก็ไม่ยากค่ะ เพราะบนโต๊ะจะมีเมนูพร้อมรูปภาพและกระดาษสำหรับสั่งอาหารค่ะ ให้เราหยิบกระดาษสีเหลืองๆมาติ๊กสั่งอาหารและส่งให้พนักงานได้เลย




ด้วยความหิวโหย ก๊วนเราก็ได้จัดการสั่งอาหารมากันจนเต็มโต๊ะ อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง เดาๆกันไป สรุปได้ออกมาตามนี้ค่ะ

Appetizer เริ่มต้นด้วยของว่าง จานนี้ไม่ต้องสั่งค่ะ เพราะพนักงานจะเอามาเสริร์ฟให้เป็นอัตโนมัติ ตอนแรกก๊วนเราก็คิดว่าฟรี แต่จริงๆแล้วก็เสียงตังค์นะคะ เป็นถั่วทอดโรยเกลือ อร่อยกินเล่นเพลินๆดีค่ะ



Steamed Sponge Cake เป็นเค้กอะไรซักอย่างค่ะ เห็นในรูปดูน่ากินดี นึกว่าจะเหมือนขนมไข่ 555 ที่ไหนได้.. เสิร์ฟมาเป็นชิ้นเหลี่ยมๆ เล่นเอาซะเรางงเลยว่าสั่งไปด้วยหรอ ในเมนูนี่ภาพประกอบเพื่อการโฆษณาชัดๆเลยค่ะ แต่ลองชิมแล้วก็อร่อยดีนะคะ เนื่อเค้กคล้ายชิฟฟ่อนเค้กนุ่มๆ ส่วนรสชาติก็หอมๆคล้ายลำใย!! ก๊วนเราเลยตั้งชื่อเมนูนี้ว่า.... เค้กลำใย 555



Creamy Custard Bun ซาลาเปาไส้ครีม เมนูนี้ได้มาพร้อมกับความงงงวยอีกแล้วค่ะ ซาลาเปาสีเขียว!! ไม่เห็นจะมีในเมนูที่สั่งไป แต่พอบิดูไส้แล้วถึงรู้ว่าเป็นซาลาเปาไส้ครีมนั่นเอง โธ่... ก็ในเมนูมันแป้งสีขาวนี่นา 555 แต่รสชาติดีเลยล่ะค่ะ หอมอร่อยรับรอง

Char Siew Bun ซาลาเปาไส้หมูแดง แป้งนุ่มไส้อร่อยค่ะ แต่รสชาติจะไม่เหมือนหมูแดงเซเว่นบ้านเรานะคะ หอมนุ่มไส้ฉ่ำโบ๊ะ แต่รสชาติออกแนวบาบีคิวนิดๆค่ะ




ฮะเก๋า (Har Gao) เมนูนี้กุ้งมาเป็นกุ้งเลยค่ะ กุ้งเนื้อกรอบๆหนึบๆ อร่อยดีเหมือนกันค่า



Siew Mai ขนมจีบหมู รสชาติไม่ผิดหวัง แต่ก็ไม่ถึงกับตื่นเต้นหรือโดดเด่นกว่าที่อื่นๆค่ะ



Teochew Dumpling อันนี้ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไรค่ะ แป้งเป็นแป้งใสๆหนึบๆ คล้ายๆขนมเหนียว(อาหารเวียดนาม) อร่อยดีค่ะ ชอบๆ



Rice Roll with Char Siew ก๋วยเตี๋ยวหลอด ชอบแป้งของเค้ามากค่ะ มันหนึบๆกว่าของบ้านเรา ด้านในสอดไส้หมูแดง แต่รสไม่ได้เข้มข้นมากนะคะ กินได้เรื่อยๆ 



Seafood Spring Roll ปอเปี๊ยะกุ้งทอด แต่ชื่อมันบอกว่าเป็นทะเลนะ ก๊วนเราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าไส้มันมีอะไรที่เป็นทะเลบ้าง ได้แต่รสกุ้งก็เลยเรียกว่าปอเปี๊ยะกุ้งซะเลย แป้งทอดใหม่ๆกรอบอร่อยมากๆค่ะ แต่ที่นี่ไม่มีน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ยเหมือนบ้านเรานะคะ แต่จะจิ้มกับมายองเนสแทนค่า



Prawn in Beancurd Skin อันนี้สิคะกุ้งของจริง เป็นฟองเต้าหู้ไส้กุ้งทอด อร่อยมากๆเลยค่ะ ก๊วนแมวชอบมาก เพราะฟองเต้าหู้เค้ากรอบและเบามาก ไส้ก็เด้งๆเนื้อกุ้ง จิ้มกับมายองเนสเช่นกันค่ะ



หลังจากกินอิ่มแล้วก็ต้องลุกออกมาจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ด้านหน้าค่ะ ซึ่งมื้อนี้จ่ายค่าเสียหายไปทั้งสิ้น 41.9 SGD (ต่อ 4 คน) ใช้ได้ทั้งเงินสดแล้วก็บัตรเครดิตนะคะ



โดยรวมแล้วถือว่าโอเคเลยนะคะ ด้วยความที่เป็นอาหารจีนอยู่แล้วรสชาติก็เลยไม่ค่อยแตกต่างจากของบ้านเราเท่าไหร่ อาจจะจืดกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังอร่อยและกินได้เรื่อยๆค่ะ ก๊วนแมวว่าน่าจะถูกปากคนไทย ร้านก็หาง่ายและสะอาดสะอ้านน่านั่งดีค่ะ แต่ติดอยู่ตรงเรื่องราคาที่อาจจะแพงไปหน่อย ก็แหม.. ค่าครองชีพเค้าแพงนี่เนาะ ^^ (แต่ร้านนี้ถือว่าค่อนข้างถูกกว่าร้านอื่นๆแล้วนะคะ แหะๆ)

รสชาติอาหาร 8/10
บรรยากาศ 8/10
ความสะอาด 9/10
การบริการ 8/10
ราคา 7/10
การเดินทาง 8/10


Link ที่เกี่ยวข้อง...

ขอบคุณค่ะ
=ก๊วนแมว=

ความคิดเห็นและคะแนนในรีวิวนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลของก๊วนแมวประชาชนคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหรือการท่องเที่ยวใดๆ กรุณาอย่านำไปใช้ในการอ้างอิงใดๆนะคะ

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Review: เที่ยวสิงคโปร์ - รถไฟฟ้าสิงคโปร์

สวัสดีค่ะ
=^w^=

เมื่อมาถึงสิงคโปร์ การเดินทางวิธีแรกๆที่หลายคนนึกถึงก็คงจะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใช่มั๊ยล่ะค่ะ วันนี้ก๊วนแมวเลยขอนำวิธีขึ้นรถไฟฟ้าที่สิงคโปร์มาฝากกันค่ะ มันอาจจะไม่ยากสำหรับคนกรุงเทพฯที่ใช้บริการรถไฟฟ้ากันจนชินไปแล้ว แต่ก๊วนแมวเชื่อว่าเพื่อนๆที่ไม่ค่อยได้ใช้บริการรถไฟฟ้ากันเท่าไหร่ก็น่าจะมีตื่นเต้นกันบ้าง จริงมั๊ยคะ ^^

รถไฟฟ้าของสิงคโปร์นี่แทบจะเหมือนรถ MRT บ้านเราเลยล่ะค่ะ เพราะว่าบ้านเราไปดูงานของบ้านเค้ามานั่นเอง ซึ่งของที่สิงคโปร์เค้าจะเรียกว่า SMRT จะไม่ใช่รถที่วิ่งแต่เฉพาะใต้ดินเพียงอย่างเดียวแต่มีบางสายที่วิ่งลอยฟ้าด้วยค่ะ เช่น สายสีเขียวจากสนามบินก็จะมีบางช่วงที่วิงลอยฟ้าค่า

ซึ่งระบบรถไฟฟ้ามีครอบคลุมทั่วประเทศสิงคโปร์เลยล่ะค่ะ ก็ประเทศเค้าเล็กกว่ากรุงเทพฯอีกนี่นา.. โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 สายหลักๆ ได้แก่ สีเขียว สีแดง สีม่วง สีน้ำเงิน และสีเหลืองค่ะ นอกจากนี้ยังมีแพลนขยายเพิ่มออกไปในอนาคตอีกด้วย

ที่มา http://journey.smrt.com.sg/journey/mrt_network_map/


สำหรับระบบการซื้อตั๋วก็คล้ายๆบ้านเราเช่นกัน สามารถไปซื้อได้ที่เคาท์เตอร์ขายตั๋ว และเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติค่ะ โดยบัตรโดยสารจะออกมาเป็นการ์ด ไม่ใช่เป็นเหรียญเหมือนของบ้านเราค่ะ

เคาท์เตอร์ขายตั๋วและติดต่อสอบถาม

ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ


บัตรโดยสารเค้าก็จะแบ่งออกเป็นหลายประเภทอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ที่ก๊วนเราแนะนำก็คือการใช้บัตร EZ-Link บัตรสารพัดประโยชน์ของสิงคโปร์นั่นเอง เพราะค่าโดยสารจะถูกกว่าแบบปกติ และใช้ได้สะดวกกว่ามากๆเลยค่ะ สามารถซื้อและเติมเงินที่สถานีได้เลยยยย นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบยอดคงเหลือในบัตรได้ตามตู้อัตโนมัติที่สถานีได้เองอีกด้วย


บัตร EZ-Link



ภายในสถานีของเค้าจะใหญ่และกว้างมากนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อของหลายๆสาย ทางออกก็มีเยอะเช่นกัน ดังนั้นกรุณาอ่านป้ายหรือทำการบ้านมาดีๆนะคะ และที่สำคัญ สถานีรถไฟฟ้าที่นี่มีห้องน้ำให้บริการด้วยแหละ ฟรีและสะอาดได้มาตรฐานสิงคโปร์ด้วย





เมื่อได้บัตรโดยสารมาเรียบร้อยแล้ว ก็นำบัตรไปแตะตรงประตูทางเข้าชานชาลา ซึ่งตรงที่แปะบัตรจะมีเลขแสดงยอดเงินคงเหลือในบัตรเราด้วยค่ะ จากนั้นก็ลงไปรอขึ้นรถไฟตามปลายทางที่เราต้องการได้เลยค่ะ

ภายในขบวนรถไฟก็จะเป็นเหมือนรถไฟฟ้าทั่วไป ระบบหมุนเวียนอากาศน่าจะเป็นแบบระบบเปิดที่สามารถให้ลมจากภายนอกรถเข้ามาได้ เพราะว่าเวลาที่รถวิ่งเร็วๆนั้น ผมเราปลิวเลยแหละ (แถมรถไฟฟที่นี่วิ่งเร็วกว่าบ้านเราอีกนะคะ โดยเฉพาะสายสีแดง ลมพัดเปิดหัวเหม่งเลย 555)



Link ที่เกี่ยวข้อง...

ขอบคุณค่ะ
=ก๊วนแมว=

ความคิดเห็นและคะแนนในรีวิวนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลของก๊วนแมวประชาชนคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหรือการท่องเที่ยวใดๆ กรุณาอย่านำไปใช้ในการอ้างอิงใดๆนะคะ

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Review: เที่ยวสิงคโปร์ - การขึ้นรถเมล์ที่สิงคโปร์

สวัสดีค่ะ
=^w^=

วันนี้ก๊วนแมวมานำเสนอวิธีการใช้บริการรถเมล์ที่สิงคโปร์ค่ะ อย่าแปลกใจไปว่าทำไมแค่วิธีขึ้นรถเมล์ทำไมต้องมาบอก มันจะไปยากอาร้ายยยย จริงมั๊ยคะ ^^ จริงๆแล้วมันก็ไม่ยากหรอกค่ะ แต่รู้ไว้ก่อนก็จะได้ไม่ไปปล่อยไก่ที่เมืองนอกเมืองนาไงคะ เพราะรถเมล์บ้านเค้าไม่เหมือนบ้านเราซักนิด ลบภาพรถเมล์บ้านเราทิ้งไปได้เลยยย 

จริงๆแล้วเรื่องของเรื่องก็คือ ก่อนที่ก๊วนแมวจะไปสิงคโปร์ก็พยายามหาข้อมูลเรื่องนี้ แต่มันหายากซะจริงๆเรยย พอได้ไปเองแล้วเลยถือโอกาสเอามาแบ่งปันกันค่ะ ^^

เท่าที่ก๊วนแมวเห็น รถเมล์ที่สิงคโปร์มีอยู่ 2 แบบค่ะ คือแบบชั้นเดียวและแบบ 2 ชั้น ซึ่งแบบ 2 ชั้นเนี่ยมันน่าลองขึ้นมากเลยเนาะ แต่ก๊วนแมวไม่ได้ขึ้นเลยค่ะ เพราะสายรถที่ก๊วนเราใช้บริการ(และมาถึงก่อน)เป็นแบบชั้นเดียวหมดเลยอ่าา แต่ว่าแบบชั้นเดียวนี่ก็ดูดีเลยล่ะค่ะ คล้ายๆรถเมล์ปรับอากาศสีเหลืองรุ่นใหม่ๆบ้านเรา ถ้าได้ขึ้นคันที่ใหม่หน่อยก็จะมีป้ายไฟในรถบอกชื่อพิกัดสถานีให้ตลอดค่ะ (คือดีมากสำหรับคนที่ไม่รู้ทางอย่างเรา)




อย่างที่บอกไปแล้วว่าภายในรถเมล์จะคล้ายๆรถปรับอากาศรุ่นใหม่ๆของบ้านเรา พื้นเป็นแบบเตี้ยเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ใช้รถเข็น เด็ก ผู้สูงอายุและผู้พิการค่ะ รวมถึงเราๆทั้งหลายให้ไม่ต้องปีนป่ายก้าวขาสูงขึ้นรถเมล์หรือห้อยโหนแบบบ้านเรา คือดีอ่ะ ^^




เริ่มต้นที่ป้ายรถเมล์กันก่อนเลยค่ะ ที่ป้ายจะแสดงหมายเลขป้าย ชื่อป้าย สายรถที่จอด รวมถึงจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า(ถ้ามี) ทำให้ง่ายต่อการดูมากๆ แค่รู้สายรถที่จะขึ้น รู้ป้ายที่จะลงก็ไม่หลงแล้วค่ะ






หลายคนคงจะเริ่มสงสัยว่า อ้าว! แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเราต้องขึ้นสายไหน ก็ไม่ยากอีกเช่นกัน เพราะตรงป้ายหลังที่นั่งรอรถเมล์ (ที่บ้านเราชอบเอาไว้ติดโฆษณานั่นแหละ - -") เค้ามีรายละเอียดบอกเราหมดเลยค่ะว่ารถแต่ละสายผ่านทางไหน จอดที่ไหนบ้าง แค่เรารู้ชื่อถนนที่เราจะไปหรือชื่อป้ายที่เราจะไปก็สบายละ แถมยังบอกรายละเอียดระยะทางว่าไกลแค่ไหน และแต่ละระยะ(แบ่งตามแถบสี)ค่าโดยสารราคาเท่าไหร่



มาถึงวิธีการขึ้นรถกันดีกว่าค่ะ ที่นี่ขึ้นและลงทางเดียวเท่านั้นนะคะ เป็นแบบ One-way ค่ะ คือขึ้นที่ประตูหน้าและลงที่ประตูกลางเท่านั้น รถเมล์จะจอดตามป้ายและจอดนิ่งสนิทเพื่อให้ผู้โดยสารขึ้นลงอย่างปลอดภัย ไม่มีการจอดนอกป้ายให้เห็น ปกติรถจะจอดทุกป้ายที่มีคนรอ แต่ถ้าให้ดีก๊วนแมวแนะนำให้กดกริ่งก่อนจะถึงป้ายที่เราจะลงจะดีกว่าค่ะ (กริ่งสีแดงอยู่ที่เสา)





สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือวิธีการชำระค่าโดยสารค่ะ สามารถชำระได้ 2 วิธี คือ ใช้บัตร EZ-link และจ่ายเงินสด(ไม่มีทอน) ซึ่งวิธีที่คนส่วนใหญ่นิยมกันและก๊วนแมวก็แนะนำด้วยก็คือ การใช้บัตร EZ-link ค่ะ (ค่าโดยสารถูกกว่าด้วยนะคะ อิอิ)

  • จ่ายด้วย EZ-link : เมื่อเราขึ้นรถที่ประตูหน้า จะมีเครื่องสำหรับแปะบัตรอยู่ด้านข้างคนขับค่ะ ให้แปะบัตรของเราไปที่เครื่องได้เลย จะมีเสียงดัง "ติ๊ด" เบาๆ พร้อมกับโชว็ยอดเงินในบัตรเราค่ะ จากนั้นก่อนที่จะลงจากรถก็จะมีเครื่องแบบเดียวกันอยู่ตรงประตูกลางให้เราแปะบัตรอีกรอบค่ะ คราวนี้เครื่องจะตัดเงินและโชว์ยอดเงินที่ชำระและยอดคงเหลือของเราค่ะ (ย้ำนะคะ!! อย่าลืมแปะทั้งตอนขึ้นและตอนลง)
  • จ่ายด้วยเงินสด : ข้างๆเครื่องแปะบัตร ข้างๆคนขับ จะมีกล่องสำหรับใส่เงินสดอยู่ค่ะ ให้หยอดเงินลงไปให้พอดีเพราะจะไม่มีการแลกเหรียญหรือทอนเงินค่ะ ดังนั้นวิธีนี้เราจะต้องรู้ราคาค่ารถที่เราจะไป และมีเงินพอดีด้วย ซึ่งมันยุ่งยากกว่าใช้บัตรเยอะเลยเนาะ

จากประสบการณ์การขึ้นรถเมล์ที่สิงคโปร์ ก๊วนแมวค่อนข้างประทับใจเลยค่ะ ออกจะชอบกว่าขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินซะอีก ก็เพราะ
  • สะดวกสบาย ปลอดภัย 
  • เดินทางง่าย มีป้ายบอกตลอด
  • มีรถเมล์ให้เลือกหลายสาย ไม่ต้องเสียเวลารอนาน
  • รถไม่ติด ไม่เสียเวลาเดินทาง เส้นทางไม่อ้อม
  • ป้ายรถเมล์มีเยอะ ไม่ต้องเดินไกลหาสถานีเหมือนรถไฟฟ้า จุดขึ้นลงอยู่ใกล้
  • ได้เห็นวิวข้างทาง ชมบ้านชมเมืองที่สิงคโปร์ 

ใครจะไปเที่ยวสิงคโปร์ก็ลองใช้รถเมล์เป็นตัวเลือกในการเดินทางดูนะคะ ^^




ที่เด็ดที่สุด! วิธีที่ง่ายแสนง่ายในการเลือกเดินทางในสิงคโปร์ว่าจะเดินทางยังไง ขึ้นรถอะไรดี ต้องขึ้นตรงไหน ลงตรงไหน ระยะทาง ราคา ทุกอย่างเลยค่ะ ก๊วนแมวมี App มานำเสนอคือ gothere.sg ค่ะ มีให้เลือกโหลดได้ทั้งใน iOS และ Androids โดยจะมี version ทดลองให้โหลดใช้ฟรี 15 วันค่ะ แนะนำให้โหลดก่อนไปนะคะ คำนวนวันเวลาดีๆว่าช่วงที่เราเดินทางยังใช้ได้อยู่เนาะ นอกจากโหลดใช้ในโทรศัพท์แล้ว ยังมีหน้าเวปให้เข้าไปใช้ได้ฟรีๆตลอดเวลาด้วยนะคะ ที่เวปนี้เลย  http://gothere.sg/maps เผื่อใครจะเข้าไปดูล่วงหน้าเพื่อวางแผนการเดินทาง ใช้ง่าย คล้ายๆ google map แต่จะละเอียดกว่าเพราะเป็นของสิงคโปร์โดยเฉพาะ



Link ที่เกี่ยวข้อง...

ขอบคุณค่ะ
=ก๊วนแมว=

ความคิดเห็นและคะแนนในรีวิวนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลของก๊วนแมวประชาชนคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหรือการท่องเที่ยวใดๆ กรุณาอย่านำไปใช้ในการอ้างอิงใดๆนะคะ

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Review: The Plot Hostel ที่พักน่าพัก ราคาน่ารักที่สิงคโปร์

สวัสดีค่ะ
=^w^=

หลังจากที่ก๊วนเราได้รีวิวโรงแรมในสิงคโปร์กันไปแล้ว คราวนี้ขอรีวิวที่พักน่ารักที่ราคาเบาๆลงมาหน่อยละกันนะคะ เอาใจ Backpacker ที่ไม่เน้นกินหรูอยู่แพง แต่ขอที่พักที่ราคาไม่แรง แต่สะอาด ปลอดภัยและน่าอยู่ค่ะ

ที่พักที่ก๊วนแมวนำมาแนะนำในวันนี้เป็น Hostel ค่ะ คือลักษณะที่พักที่คล้ายๆกับหอพักรวม คือในแต่ละห้องพักจะต้องนอนพักร่วมกับนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ ในลักษณะเตียง 2 ชั้น และใช้ห้องน้ำรวมค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการพักใน Hostel นี้ มีความปลอดภัย และได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ แน่นอน ^^ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่ไปเที่ยวกันเป็นกลุ่ม ก็สามารถเลือกจองห้องเดียวกัน เหมาไปทั้งห้อง ก็จะได้ห้องที่เป็นส่วนตัวมาครอบครอง 555 เห็นมั๊ยละคะ เจ๋งจะตาย แถมยังประหยัดกว่าโรงแรมตั้งเยอะด้วย

ที่พักของก๊วนเราในทริปนี้คือ "The Plot Hostel" นั่นเองค่า


Key Card เท่ห์ๆของ The Plot Hostel

ข้อมูลทั่วไป
ชื่อที่พัก: The Plot Hostel
ที่ตั้ง: 259 Outram Road Singapore
ระดับดาว: êê

สิ่งอำนวยความสะดวก: 


The Plot Hostel ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Chinatown ค่ะ สามารถเดินทางได้สะดวกทั้ง mrt และรถเมล์เลย โดยที่พักห่างจาก mrt สถานี Outram Park เพียง 1 ป้ายรถเมล์เท่านั้นเอง แต่ตลอด 3 วันที่ก๊วนแมวพักที่นี่เราเลือกที่จะเดินทางด้วยรถเมล์เป็นหลักค่ะ เพราะรถเมล์ที่สิงคโปร์ขึ้นง่าย ปลอดภัย ตรงเวลา ทำให้ไม่ต้องเดินไกลเมื่อไปเที่ยวที่ต่างๆ และที่สำคัญคือที่สิงคโปร์รถไม่ติด นั่งรถเมล์ได้เห็นวิวตึกสวยๆของที่นี่ดีกว่าด้วย

ก๊วนเราเดินทางมาถึงที่พักตอนกลางคืนค่ะ เลยทำให้มีรูปทั้งกลางวันกลางคืนสลับกันไปนะคะ ไม่ต้องแปลกใจว่าบางรูปอาจจะไม่ต่อเนื่องกัน อิอิ เริ่มต้นก๊วนเราก็จองที่พักมาจากในเวปยอดนิยมนั่นก็คือ www.booking.com นั่นเองค่ะ เมื่อบินมาถึงสิงคโปร์ก็สามารถนั่ง mrt สายสีเขียวจากสนามบินยิงยาวมาลงที่สถานี Outram Park ได้เลยค่ะ แล้วก็ต่อรถเมล์ที่ป้ายฝั่งตรงข้ามสถานีอีก 1 ป้าย ก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ



The Plot ตั้งอยู่ในโซนที่อยู่อาศัยค่ะ ในบริเวณรอบๆเลยเป็นพื้นที่สีเขียว สงบ ไม่วุ่นวาย แต่รับประกันความปลอดภัย และมีร้านอาหารและ 7-11 อยู่ใกล้ๆอีกด้วย 




สำหรับการตกแต่งจะเป็นแนวบูติคโฮสเทลค่ะ เฟอร์นิเจอร์ไม้ built in ผสมผสานด้วยความทันสมัย ออกมาสวยน่าอยู่มากๆเลยล่ะค่ะ บริเวณ lobby (เรียก lobby ได้ป่าวไม่รู้ค่ะ เอาเป็นว่าเป็นโถงเล็กๆสำหรับนั่งเล่น นั่งรอด้านหน้าละกัน อิอิ) มีโซฟาให้นั่งเล่น พร้อมหนังสือให้หยิบอ่านได้ฟรีด้วย

ที่นั่งเล่นด้านหน้าเคาท์เตอร์ Check-in ค่ะ


ถัดเข้ามาเป็นห้องโถงให้นั่งเล่นค่ะ มีโซฟฟาตัวใหญ่มากกกไว้สำหรับให้มานั่งดูหนัง ดูทีวี หรือเล่นเกมได้ พร้อมกับมีคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง(Mac ซะด้วย ไม่ธรรมดา) และ internet พร้อม Free Wi-Fi ให้บริการ



ใกล้ๆกันก็จะเป็นโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ เป็นที่สำหรับกินข้าวเช้าฟรีของเรานั่นเองค่ะ ประกอบไปด้วยโต๊ะขนาดเล็กและโต๊ะยาว ตู้สำหรับกดน้ำดื่มฟรีตลอดทั้งวัน(ช่วยประหยัดค่าน้ำไปได้เยอะเลยนะ) ตู้เย็นสำหรับให้แขกที่มาพักนำอาหารมาฝากแช่ได้ 


มีกระดานสำหรับแนะนำสถานที่เที่ยว พนักงาน และความคิดเห็นจากแขกที่เคยมาพักที่นี่ค่ะ

ก่อนนำของมาฝากแช่ในตู้ ต้องเขียนชื่อและเลขห้องติดไว้ด้วยนะคะ ^^


ถัดเข้าไปก็เป็นส่วนของครัวขนาดเล็ก มีอุปกรณ์ประกอบอาหาร ถ้วย จาน ชาม ช้อนส้อม กระทะ ฯลฯ และอ่างล้างจานสำหรับบริการตัวเองค่ะ (ก็บอกแล้วว่าอยู่เหมือนหอพัก^^)


กินเสร็จแล้วอย่าลืมเอาจานมาล้างเก็บให้เรียบร้อยนะคะ


สำหรับอาหารเช้า (ฟรี) พนักงานจะนำออกมาเตรียมไว้ให้ทุกเช้าค่ะ เป็นอาหารง่ายๆประเภท นม ขนมปัง คอนเฟล็ค ผลไม้ ชา กาแฟ โดยเราจะต้องเป็นบริการตัวเองนะคะ อยากกินอะไรก็ทำเองได้เลยค่ะ และเมื่อกินเสร็จแล้วก็ต้องเอาไปเก็บล้างเองด้วยน้า ^^//



เอาล่ะค่ะ ต่อไปก็ขึ้นไปดูห้องพักของก๊วนเรากันดีกว่า อีกหนึ่งสิ่งที่ดีเลิศสำหรับที่นี่ก็คือ ที่นี่เป็นโฮสเทลระดับพรีเมี่ยม(คิดเองนะ) เพราะมีลิฟท์ค่ะ 555 ไม่ต้องกังลวว่าจะต้องแบกกระเป๋าขึ้นห้องเล็กๆแบบโฮสเทลราคาประหยัดที่อื่นๆ แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการอีกด้วย เจ๋งป่ะล่า..

ลิฟท์แบบเปิดปิดประตูเองด้วยนะ



ห้องที่ก๊วนเราพักเป็นห้องแบบ 4 เตียง รวมชาย-หญิง ไม่มีห้องน้ำในตัวค่ะ แต่ก๊วนเรามากัน 4 คน ก็เลยเหมือนได้ห้องส่วนตัวกันไปชิลๆ ห้องที่ก๊วนเราได้พักคือห้อง 401 อยู่บนชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดนั่นเอง แถมเป็นห้องมุมด้วยน้า ^^ อยู่ติดลิฟท์เลยค่ะ แต่ไม่มีเสียงดังรบกวนนะ 

จากแปลนจะเห็นว่าห้อง 401 และ 402 เป็นห้องที่มีหน้าต่างติดระเบียง
โดยห้อง 401 เป็นห้องรวมแบบ 4 เตียง ไม่มีห้องน้ำในตัว
ห้อง 402 เป็นห้องรวมแบบ 6 เตียง มีห้องน้ำในตัว

ประตูห้องจะเป็นระบบ key card เฉพาะห้องค่ะ โดย key card ของที่นี่จะเป็นสายรัดข้อมือ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานและไม่ต้องกลัวหล่นหายด้วยค่ะ เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอเตียงนอน(คล้ายตู้นอนรถไฟ) จำนวน 4 เตียง เป็นเตียง 2 ชั้น ทำมุมชนกัน มีผ้าม่านกั้นสำหรับเพิ่มความเป็นส่วนตัว แบ่งเป็นเตียง A B C และ D ค่ะ




เมื่อ check in แล้วพนักงานจะให้ Key card และ ผ้าเช็ดตัวคนละ 1 ผืน (เปลี่ยนทุก 3 วัน) ภายในเตียงประกอบไปด้วยหมอนหนุน 1 ใบ ผ้าห่ม 1 ผืน ตู้ล็อคเกอร์ปลายเตียง(ที่มีตัวอักษร A-D)พร้อมกุญแจนิรภัยระบบดิจิตอล ปลั๊กไฟ(ที่พร้อมใช้งานไม่ต้องมี Adapter เพราะเป็นแบบเดียวกับบ้านเรา 555) และสวิตซ์เปิดปิดไฟเตียงค่ะ




สำรวจภายในห้องแล้วออกมาดูที่ระเบียงข้างห้องเรากันค่ะ (ได้ห้องที่มีหน้าต่างทำให้ห้องไม่มีกลิ่นอับ และโปร่งมากขึ้นค่ะ) เป็นระเบียงเล็กๆ อยู่ติดกับหน้าต่างห้องเราเลย สามารถออกมานั่งชมวิวรับลมเย็นๆกันได้ค่ะ ขอบอกว่าตอนเช้าอากาศดีมากๆ




ด้านหลังก็จะเป็นบันได มองออกไปเห็นต้นไม้สีเขียวสบายตา



ต่อไปมาดูห้องน้ำกันบ้างค่ะ ที่ชั้น 4 มีห้องน้ำส่วนกลางอยู่ 2 ห้องค่ะ แบ่งเป็นห้องเล็ก(ที่กว้างและมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้รถเข็น) และห้องใหญ่ที่มีห้องน้ำภายในอีก 2 ห้องค่ะ ขอบอกว่าห้องน้ำห้องใหญ่กว้างกว่าห้องนอนเราอีกนะ สะอาดน่าเข้าไปนอนได้เลยล่ะค่ะ



ในห้องน้ำแยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งชัดเจน บริเวณชักโครกมีสายชำระด้วยนะคะ น่าจะถูกใจคนไทยเราหลายๆคนเลยแหละ เพราะโรงแรมที่สิงคโปร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีสายชำระให้บริการค่ะ สำหรับส่วนเปียกก็จะเป็นฝักบัวขนาดใหญ่อยู่เหนือหัว(ใครไม่อยากให้ผมเปียก แนะนำให้เตรียมหมวกคลุมอาบน้ำมาเองด้วยนะคะ) น้ำแรงสะใจมาก พร้อมสบู่และยาสระผมให้พร้อมค่ะ




สภาพโดยรวมของโฮสเทลนี้ดีมากเลยค่ะ ใหม่ สะอาด และน่าอยู่มากๆ พนักงานบริการเป็นกันเองและให้ความช่วยเหลือดีค่ะ เมื่อ Check out แล้วสามารถฝากกระเป๋าไว้ได้ไม่เสียค่าบริการด้วย ตอนแรกที่เลือกจองที่นี่มาก็แอบลุ้นเบาๆ เพราะไม่ค่อยเห็นใครรีวิวที่พักนี้เท่าไหร่ และเตรียมใจกับการพักแบบโฮสเทลมาพอสมควร แต่เมื่อมาถึงที่นี่แล้วทำให้ลืมภาพโฮสเทลอื่นๆไปเลยค่ะ ก๊วนแมวประทับใจมาก ถือเป็นที่พักแนะนำประจำก๊วน และรับรองว่าถ้าได้มาสิงคโปร์อีกจะไม่พลาดที่นี่แน่นอนค่ะ

ป้ายรถเมล์ประจำของเราค่ะ Blk 55

บรรยากาศด้านหน้าโฮสเทลค่ะ



บรรยากาศ 10/10
ความสะอาด 9/10
การบริการ 10/10
ราคา 8/10
การเดินทางและที่จอดรถ 7/10


Link ที่เกี่ยวข้อง...


ขอบคุณค่ะ
=ก๊วนแมว=

ความคิดเห็นและคะแนนในรีวิวนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลของก๊วนแมวประชาชนคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหรือการท่องเที่ยวใดๆ กรุณาอย่านำไปใช้ในการอ้างอิงใดๆนะคะ